นายธิติวัฒน์ สงให้ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 หมู่ที่ 9 ต.ชัยบุรี อ.เมืองพัทลุง เผยว่า ในปี พ.ศ. 2562 ตนได้ปิดบริษัททางด้านสื่อสารของตัวเองในกรุงเทพฯ มาเปิดกิจการ “บ้านปูนา” ในพื้นที่เกือบ 3 งานที่บ้านเกิด โดยสั่งซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์มาจากจังหวัดราชบุรี เนื่องจากปูนาใน จ.พัทลุงไม่สามารถนำมาเลี้ยงได้ เพราะนอกจากจะมีพยาธิ ปรสิด และมีสารเคมีเจือปนในปูแล้ว ยังเลี้ยงยาก ตายง่ายและโตข้าอีกด้วย
หลังจากที่เลี้ยงได้ประมาณ 4 – 6 เดือน ก็สามารถนำเนื้อปูไปแปรรูปเป็นเป็นผลผลิตชนิดต่างๆ ประกอบด้วย น้ำพริกมันปูนา น้ำปูร้า น้ำพริกสวรรค์ปูนา ฮ้องปูนา นาตาปู (สำหรับนำไปทากับอาหารประเภทของปิ้ง ย่าง ) สำหรับผลิตภัณฑ์จากปูนาของตนนั้น จะนำไปจำหน่ายในเทศกาลสำคัญๆ ทั้งในและต่างจังหวัด รวมทั้งส่งจำหน่ายทางออนไลน์ให้กับลูกค้าตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะลูกค้าใน จ.ระยอง จ.สุพรรณบุรี จ.เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ มีปริมาณลูกค้าที่สั่งซื้อมาทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ตนมีรายได้ที่น่าพอใจยิ่ง
สำหรับการดำเนินงานของตนนั้นได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากสำนักงานเกษตรจังหวัดพัทลุง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ตนสามารถขยายการเลี้ยงปูไป 14จังหวัดภาคใต้ได้แล้ว ซึ่งจะเปิดสาขาการเลี้ยงปูให้กับเกษตรกรจังหวัดละ 1 สาชาเท่านั้น โดยล่าสุดได้เปิดสาขาการเลี้ยงปูในพื้นที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมกันนั้นตนยังส่งพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปูซึ่งเป็นพันธุ์พระเทพ และพันธุ์กำแพง ส่งจำหน่ายให้กับลูกค้าตามจังหวัดต่างๆที่สั่งซื้อมาด้วย
โดยเฉพาะแม่พันธุ์ที่มีลูกแล้วจะขายตัวละ 300 – 400 บาท แม่พันธุ์ที่มีลูกพร้อมเดินจะขายในราคาตัวละ 500 บาท ในส่วนของมันปูนาที่มีลูกค้าสั่งจองมาเป็นจำนวนมากนั้นจะขายกันในราคา 1,500 บาท/กิโลกรัม ส่วนก้ามปูจะส่งขายกันในราคา 900 - 1,000 บาท/กิโลกรัม อย่างไรก็ตามในขณะนี้ได้มีกลุ่มเกษตรกรได้เดินทางมาศึกษาดูงานการเลี้ยงปูนาของตนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ที่สนใจที่จะเลี้ยงปูนาเป็นอาชีพเสริมหรือจะเดินทางมาศึกษาดูงาน ก็สามารถติดต่อกับตนได้ที่ โทร.081-4697565
สุธรรม คงเพชร รายงาน